ฝ่ายขายเป็นงานที่มีความสำคัญอย่างมากของบริษัท เนื่องจากเป็นแผนกหาเงินเข้าบริษัท คนที่สนใจด้านงานขายจึงไม่ต้องกลัวตกงานเลย เพราะเป็นตำแหน่งที่ทุกบริษัทต้องการ อย่างไรก็ดี การจะเป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จนั้นจำเป็นต้องมีพื้นฐาน 10 ประการดังนี้
มีทัศนคติที่ดีต่องานขายสินค้า และลูกค้า การมีทัศนคติที่ดีต่ออาชีพที่คุณทำ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของทุกอาชีพ ซึ่งงานขายนั้นถือว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทนและใจรักสูง ทั้งยัง
- มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัท สินค้าที่ขาย คู่แข่ง การรู้จักศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการของทั้งตัวเองและคู่แข่ง ถือว่าเป็นโอกาสที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จในการขายได้มากขึ้น
- มีความสามารถในการขายตามขั้นตอนของการขาย การเปิดการขาย การเสนอขาย การขจัดข้อโต้แย้ง การปิดการขาย
- ทำงานอย่างทุ่มเท เพราะงานขายเป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถของตัวคุณเองล้วน ๆ เพราะฉะนั้นจึงขึ้นอยู่กับความขยันหรือความทุ่มเทของคุณเองด้วย
- งานขายเป็นงานที่คุณจะอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องมีความกระตือรือร้นในการขายตลอดเวลา
- รู้จักควบคุมจิตใจ และอารมณ์ให้ได้ เพราะแต่ละวันคุณต้องเจอลูกค้าต่าง ๆ มากมาย
- มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์การขาย หากใครคิดว่างานขายเป็นงานที่ไม่ต้องใช้สมอง ขอบอกว่าคุณคิดผิดถนัด หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ คุณคงไม่สามารถหากลยุทธ์ต่าง ๆ มาขายสินค้าได้แน่ ๆ
- มีบุคลิกภาพที่คนอยากเข้าหา นั่นคือ บุคลิกของคนที่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ไม่สร้างความอึดอัด หรือความลำบากใจให้กับคนอื่น ๆ เพราะอาชีพคุณเป็นอาชีพที่ต้องเจอคนเป็นหลัก
- มีสุขภาพกายและจิตดี เหมาะสำหรับรูปแบบการทำงานที่ค่อนข้างเคร่งเครียด กดดัน และวุ่นวายในแต่ละวันกับการต้องพบปะลูกค้าหรือว่าการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
- มีอุปนิสัยที่คนชอบ นั่นคือนิสัยที่คนอยากอยู่ใกล้ เป็นกันเอง ร่าเริง สนุกสนาน หรือมีน้ำใจ ใครๆ เห็นก็ย่อมยินดีเปิดประตูหรืออ้าแขนรับคุณแน่ ๆ
การจะพิชิตใจลูกค้า ให้ได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ หากพนักงานขายคนใดมีความตั้งใจจริง มีความมานะพยายาม อดทนต่ออุปสรรคต่างๆ ความสำเร็จในการเอาชนะใจลูกค้าย่อมเกิดขึ้นได้ ดังนั้น พนักงานขายจะต้องรอบรู้ในส่วนที่เกี่ยวกับอาชีพของตนเอง
1. ในเรื่องสิ้นค้าที่จะขาย พนักงานขายมีหน้าที่ในการแนะนำ ปรึกษาแก่ลูกค้าเกี่ยวกับสินค้าและบริการ เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและพอที่จะนำไปในการตัดสินใจเลือกซื้อ
2. รู้เรื่องเกี่ยวกับกิจการ พนักงานขาย คือ ตัวแทนของบริษัท ความสามารถที่จะพิชิตใจลูกค้าอยู่ที่พนักงานขาย ดังนั้น ถือว่าพนักงานขายเป็นบุคคลสำคัญของกิจการทุกประเภท
ของตนคืออะไร เพื่อจะได้ปฏิบัติหน้าที่ให้สนองกับนโยบายนั้นให้สำเร็จไปได้ด้วยดี ขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าด้วยเช่น นโยบายที่จะให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ ทางบริษัทหรือกิจการจะต้องหาวิธีการที่จะผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับกันสังคม และพิจารณาถึงความปลอดภัยในการบริโภคเป็นหลัก เป็นต้น
กฎระเบียบ ข้อบังคับ พนักงานขายแต่ละคนจะต้องเคารพกฎระเบียบข้อบังคับที่ทางสำนักงาน กิจการ หรือทางบริษัทกำหนดขึ้น เพื่อให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ กฎระเบียบบางอย่างก็อาจจะเกิดผลดีต่อการขายได้ เช่น ให้พนักงานขายสามารถใช้สิทธิของตนเองลดราคาสินค้าได้ 5-10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็จะนำไปเป็นส่วนลดให้กับลูกค้าของตนได้ เป็นต้น
3. รู้เรื่องเกี่ยวกับลูกค้า ลูกค้าคือบุคคลที่สำคัญที่สุดของพนักงานขาย การจะพิชิตใจลูกค้าได้ พนักงานขายจะต้องรู้จักลุกค้าว่าเป็นคนอย่างไร รู้สึกนึกคิดอะไร ชอบหรือไม่ชอบสิ่งใด เพื่อจะได้หาวิธีการตอบสนองความต้องการได้ถูกต้อง เพราะลุกค้าแต่ละรายจะแตกต่างกันวิธีการที่จะเสนอขายพิชิตใจลูกค้าแต่ละรายก็จะแตกต่างกันไปด้วย หากรู้จักลูกค้าในทุกๆด้าน พนักงานขายก็จะสามารถใช้วิธีการต่างๆ ได้หลากหลาย รวมทั้งแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น
- ลุกค้าที่ชอบโลเล เป็นบุคคลที่ไม่เชื่อมั่นในตนเอง เปลี่ยนใจง่ายรอการตัดสินใจจากผู้อื่น พนักงานขายจะต้องทราบว่า สิ่งใด หรือใครมีอิทธิพลในการตัดสินใจของงลุกกค้ามากที่สุด ความต้องการที่สุดของเขาคืออะไร เพื่อจะใช้ข้อมูลนี้ในการนำเสนอการขายได้ตรงตามเป้าหมาย พร้อมกันนั้นพนักงานต้องใช้เทคนิค พูดให้กระชับแต่ได้ใจความ เสนอแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์แต่ลูกค้า
- ลูกค้าประเภทใจร้อน เป็นลุกค้าที่แสดงอารมณ์ได้ง่าย พนักงายจะต้องมีเทคนิคคือการใช้ความอดทน อารมณ์เย็น แสดงความยอมรับความคิดของลูกค้า ใช้กิริยาท่าทางที่สงบ แต่คอยหาโอกาสเพื่อสนองความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อลูกค้าอยู่ตลอดเวลา
- ลูกค้าประเภทชอบเถียง เป็นลูกค้าประเภทที่ชอบวางท่าว่าด้วยตัวเองเหนือกว่ารู้มากกว่า มีความสามารถมากกว่า โดยจะข่มพนักงานขายเพียงเพื่อให้ตนเองมีความสำคัญพนักงานขายจะต้องใจเย็น แสดงการยกย่องชมเชยในความรู้ความสามารถของลูกค้า จะช่วยให้ลูกค้ายอมรับความตรงไปตรงมาของพนักงานขาย
4. รู้เรื่องเกี่ยวกับคู่แข่ง การมีคู่แข่งเปรียบเสมือนการมียาชูกำลังให้พนักงานขายกระตือรือร้นทำงานให้แข็งขันมากขึ้นเพื่อขายสินค้าให้ได้ การประกอบอาชีพการขายต้องรู้ว่าขณะนี้ตนเองต้องแข่งขันกับใครบ้าง คู่แข่งขันมีศักยภาพเป็นอย่างไร ครอบครองตลาดอยู่มากน้อยแค่ไหน อย่างไร สินค้าของเขาดีหรือไม่ดีกว่าของเราอย่างไร มีจุดเด่นจดด้อยอย่างไร เขาใช้วิธีการอย่างไร ฯลฯ สิ่งเหล่านี้พนักงานขายต้องทราบ และต้องหาวิธีแก้ไขนำเสนอจุดเด่นของสินค้าของตนเอง และนำไปสนองต่อลูกค้าที่จะ ซื้อสินค้าให้ได้ตามจุดมุ่งหมาย
การมีความรู้ในการขายที่ดีนี้ จะทำให้พนักงานขายสามารถวิเคราะห์ลูกค้าได้ถูกต้องใช้วิธีการที่จะดึงดูดหรือสร้างจุดสนใจให้ลูกค้าได้อย่างเหมาะสม เป็นเทคนิคที่จะสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจ เลื่อมใสศรัทธา และยอมรับในสินค้าที่จะนำเสนอจากพนักงานขาย ถือเป็นวิธีการพิชิตใจลูกค้าอีกทางหนึ่ง
เทคนิคของการชนะใจลูกค้า
ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นรวดเร็วในปัจจุบันทำให้การแข่งขันทางเศรษฐกิจมีมากขึ้น อาชีพพนักงานขายจะต้องมีการแข่งขันการขายสินค้าและบริการของตนให้มาที่สุด ชนะคู่แข่งให้ได้ เพื่อผลกำไรตามเป้าหมายของกิจการซึ่งยุทธวิธีจะทำให้การขายในสังคมปัจจุบันถ้ามีการแข่งขันกันสูงเช่นนี้ประสบผลสำเร็จ พนักงานขายจะต้องรู้จักและเข้าใจสถานการณ์ของตลาด รู้จักคู่แข่ง สินค้าและบริการ ฐานะกำลังจุดเด่นจุดด้อยและศักยภาพของตนเอง เพื่อนำมาเป็นข้อมูลวิเคราะห์สถานการณ์เปรียบเทียบคู่แข่ง สภาพตลาด และตนเอง อันจะไปสู่ในการหาแนวทางหรือเทคนิคที่จะชนะใจลูกค้าให้ได้
ยุทธวิธีที่พนักงานขายจะต้องนำไปใช้ในการเสนอขายเพื่อพิชิตใจลูกค้า บางครั้งจะต้องอาศัยเทคนิคหลายอย่างประกอบกัน บางครั้งก็สามารถใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยแวดล้อมรวมทั้งลูกค้า แต่สิ่งแวดล้อมที่พนักงานขายจะต้องนำไปใช้ในการเสนอขายให้ประสบผลสำเร็จในอาชีพ ได้แก่
1. มีจิตใจเชื่อมั่นว่าทำได้ ปัญหาสำคัญของพนักงานขายก็คือ ความวิตกกังวลที่จะเสนอขายและเกิดความท้อเมื่อถูกปฏิเสธจากลูกค้า ดังนั้นจะต้องสร้างความมั่นใจให้กับตนเอง
2. วางแผนการทำงานเป็นขั้นตอน การวางแผนการทำงานไว้อย่างมีระบบ ถือได้ว่าได้ปฏิเสธหน้าที่ไปแล้วครึ่งหนึ่ง พนักงานขายจะประสบผลสำเร็จในการขายของตนเองก็จะต้องวางแผนให้รัดกุมพร้อมทั้งหาแนวทางแก้ไขปัญหา การวางแผนในการขายมีเทคนิคดังนี้
- จัดลำดับความสำคัญในแต่ละวันไว้ โดยจะต้องทำเวลาตารางและงานที่ต้องทำไว้ด้วย
- วางแผนใช้เวลาทำงานแต่ละอย่างให้น้อยที่สุด เพื่อใช้เวลาส่วนใหญ่พบลูกค้าได้มากที่สุด เช่น การวางแผนการเดินทาง และจัดลำดับที่อยู่ของลูกค้าที่อยู่ในเส้นทางเดียวกัน
- คัดเลือกคาดว่าจะเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง และค่อนข้างแน่ใจว่าจะซื้อสินค้า เพื่อใช้เวลาเข้าพบและวางแผนการนำเสนอสินค้าและบริการ
- วางแผนการปฏิบัติงานเพื่อสนองนโยบายของแผนกการขายของฝ่าย โดยพนักงายขายแต่ละคนนำไปปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ
3. เลียนแบบยุทธวิธีที่ประสบผลสำเร็จมาแล้ว การเลียนแบบนะที่นี้มิได้หมายถึง การเอาอย่างทั้งหมด แต่จะต้องรู้จักนำยุทธวิธีของผู้ที่ประสบผลสำเร็จมาพัฒนาใช้กับลูกค้าของตนเอง
4. รักษาตลาดไม่ให้คู่แข่งเข้ามามีส่วนแบ่ง การที่จะเป็นผู้พิชิตใจลูกค้าได้ย่อมหมายถึง การมาครอบครองส่วนหนึ่งของตลาดได้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่จะพิชิตใจลูกค้าได้ คือ สินค้าและบริการของเรานั้นจะต้องมีคุณภาพ และเกิดประโยชน์ต่อลูกค้าอย่างแท้จริงด้วย
5. ใช้วิธีการขยายพื้นที่การขาย นอกเหนือจากการใช้เทคนิคการโดยตรงจากลูกค้าเฉพาะรายแล้วพนักงานขายอาจใช้เทคนิคกระจายการขายในแต่ละวันหรือในแต่ละสัปดาห์ออกไปในที่ต่างๆได้
6. ใช้วิธีการขายปลีกมรผสมผสาน เป็นวิธีที่จะทำอย่างไรก็ได้ที่ขายสินค้าให้ดีที่สุด ให้ลูกค้าเข้าร้านมากที่สุด หรือจูงใจให้มีลูกค้าประจำเพิ่มมากที่สุด วิธีการนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เทคนิคการขายแบบป่าล้อมเมือง” ได้แก่
- การขายตัดราคา คือ มีการลดราคาแข่งขันกัน เช่น ติดป้ายประกาศ ลดราคาเครื่องนุ่งห่มของห้างสรรพสินค้า.......50-80 เปอร์เซ็นต์
- ใช้สินค้าเพื่อจูงใจให้ลูกค้าเข้าร้าน เช่น แจกเครื่องดื่มฟรี เมื่อเข้าไปชมสินค้าในร้าน
- การให้บริการเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้า เช่น จัดสถานที่จ่ายเงินให้มากขึ้น รับบัตรเครดิต เพื่อสะดวกในการจ่ายเงิน
- ชักชวนให้ลูกค้าเป็นสมาชิกของกิจการอย่างถาวร เช่น การทำบัตรสมาชิก หรือ บัตรลดราคาตลอดปีให้เป็นพิเศษ
7. ใช้ข้อมูลที่ทันสมัย ขณะนี้อยู่ในยุคของข่าวสาร ข้อมูล การดำเนินธุรกิจต่างๆ จะประสบผลสำเร็จได้จะต้องอาศัยเทคโนโลยีสื่อสารทุกประเภท ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุด รวดเร็วและถูกต้อง การนำข้อมูลข่าวสารต่างๆ มาใช้กับการขาย จะทำให้การเสนอขายน่าเชื่อถือ เพราะมีข้อมูลที่ทันสมัย อันจะนำมาวิเคราะห์หาแนวทางที่จะนำเสนอ และพิชิตใจลูกค้าได้ทันกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
4.3จรรยาบรรณของพนักงานขายต่อตนเอง (Selling Ethics for Themselves)
จรรยาบรรณในการขายไม่ใช่เพียงนำไปใช้กับลูกค้า องค์กรที่พนักงานขายทำงานอยู่ บริษัทคู่แข่ง หรือต่อสังคมส่วนรวมเท่านั้น หากแต่พนักงานต้องมีจรรยาบรรณต่อตนเองด้วย เนื่องจากการรักษาภาพลักษณ์ที่ดีต่อสินค้าและองค์กรจรรยาบรรณเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การยอมผิดจรรยาบรรณเพื่อผลประโยชน์ในระยะสั้นอาจเกิดผลเสียในระยะยาวได้ พนักงานขายอาจได้รับความกดดันในการขายที่อาจทำให้พนักงานขายกระทำสิ่งที่ผิดจรรยาบรรณ ย่อมส่งผลให้ลูกค้าขาดความเชื่อมั่นและหมดความเชื่อถือต่อพนักงานขายและสินค้าในที่สุด
ดังนั้น หากพนักงานขายต้องการความสำเร็จในหน้าที่การงานต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเองอย่างสูง ปฏิบัติตนเองให้ถูกกาลเทศะ โดยพยายามเตือนตนเองตลอดเวลาให้มีความซื่อตรงต่อลูกค้า ให้ความเอื้อเฟื้อแก่เพื่อนพนักงานขายด้วยกัน และพึงสำนึกเสมอว่าตนเองคือตัวแทนของบริษัทในการพบปะลูกค้า ขณะเดียวกันก็เป็นตัวแทนของลูกค้าในการติดต่อกับบริษัทในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้ากับบริษัท เพื่อให้เกิดผลดีต่อการขายในปัจจุบันและในอนาคต
4.4 จรรยาบรรณของพนักขายพึงมีต่อกิจการ
พนักงานขายสามารถแสดงออกถึงการมีจรรยาบรรณต่อกิจการได้ในกรณี ดังนี้ คือ
1.การปฏิบัติงาน การปฏิบัติงานเต็มเวลาตามที่ได้รับมอบหมาย การไม่หลบหนีงาน ไม่เลือก ปฏิบัติงาน ไม่ใช้เวลาของกิจการในการทำงานส่วนตัว เป็นการสร้างนิสัยที่ดี เพราะจะทำให้กิจการ ได้รับความเสียหาย และโดยไม่รู้ตัว ตัดความก้าวหน้าของตนเอง
2.การรักษาทรัพย์สินของกิจการ พนักงานขายควรบำรุงรักษาทรัพย์สินของกิจการเพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดในกิจการ ไม่ควรนำไปใช้ในงานส่วนตัว เช่น การนำเครื่องมือเครื่องใช้ของกิจการไป ใช้ที่บ้าน เช่น รถยนต์ หรือการนำวัสดุสำนักงาน เช่น กระดาษ ปากกา ฯลฯ ของกิจการไปใช้ในเรื่อง ส่วนตัว เพราะย่อมทำให้กิจการต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
3.เบิกค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง พนักงานขายที่ปฏิบัติงานในต่างจังหวัด กิจการจะมีสวัสดิการ เกี่ยวกับการให้เบิกค่าน้ำมันรถ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าอาหาร พนักงานขายควรเบิกตามความเป็นจริง ไม่ควรทำหลักฐานเท็จในการปฏิบัติเบิกค่าใช้จ่ายต่างๆ เพราะจะทำให้กิจการต้องได้รับความเสียหาย
4.มีความรับผิดชอบต่อผลการทำงาน ในการทำงานบางครั้ง อาจเกิดความผิดพลาด พนักงานขายจะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อผลการกระทำของตนเอง การกล้าแสดงความรับผิดชอบ ย่อมเป็นการสร้างความเชื่อถือ ไว้วางใจ อันจะเป็นประโยชน์ส่งผลดีแก่พนักงานขายโดยตรง
5.การลาออกต้องแจ้งล่วงหน้า พนักงานขายที่ประสงค์จะลาออก เนื่องจากเหตุผลความจำเป็น ส่วนตัว ต้องการเปลี่ยนบริษัท หรือต้องการเพิ่มรายได้เมื่อมีโอกาส ด้วยเหตุผลใด ก็ตาม พนักงานขายควรแจ้งให้กิจการทราบล่วงหน้าก่อนเสมอ ตามระยะเวลาที่กิจการกำหนด โดยตามปกติควรแจ้งล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ถือเป็นจรรยาบรรณที่สำคัญประการหนึ่ง
4.5 จรรยาบรรณของพนักงานขายต่อลูกค้า (Selling Ethics for Customer)
เนื่องจากงานขายเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย และเป็นงานที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงทั้งต่อตนเองและส่วนรวม ดังนั้นแนวทางการปฏิบัติโดยทั่วไปที่บริษัทสามารถนำมาใช้เป็นพื้นฐานในการขายสำหรับพนักงานมีดังต่อไปนี้
1.1 ใช้วิธีการที่ซื่อสัตย์
การดำเนินการขายนั้นความซื่อตรงต่อลูกค้า เป็นคุณสมบัติที่จำเป็นอย่างมากของพนักงานขาย กล่าวคือ การขายสินค้าต้องไม่หลอกลวงผู้บริโภค ผู้ซื้อ หรือสังคมโดยส่วนรวม ไม่ให้ข้อมูลที่เกินจริงหรือข้อมูลเท็จ การเพิ่มยอดขายควรเน้นความจริงใจและความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าและสังคม โฆษณาและการส่งเสริมการขายที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริงไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง ทั้งไม่โกหกหลอกลวงเพื่อประโยชน์ของตัวพนักงานขายเอง เพื่อให้ยอดขายถึงเป้า หรือใช้วิธีที่ไม่ซื่อสัตย์ ขาดความจริงใจต่อลูกค้า ต้องนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพได้มาตรฐานให้กับสังคม รวมไปถึงการการรักษาความลับของลูกค้า และไม่นำข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้าไปเปิดเผย
1.2 ให้ความใส่ใจแก่ความสนใจของลูกค้า
นักขายทุกประเภทที่เป็นมืออาชีพต้องมีความจริงใจในการให้บริการช่วยเหลือลูกค้าแก้ปัญหาและตอบสนองความต้องการ เป็นผู้ติดตามการร้องเรียนอย่างรวดเร็วโดยไม่เลือกปฏิบัติต่อลูกค้า ไม่ว่าลูกค้าจะมียอดการสั่งซื้อจำนวนมากหรือน้อยที่แตกต่างกัน การให้บริการของพนักงานขายต่อลูกค้าต้องมีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน กล่าวคือ มอบบริการที่ดีและน่าพึงพอใจแก่ลูกค้าทุกๆ คน
1.3 ปฏิบัติงานหลังการขายอย่างสม่ำเสมอ
การบริการหลังการขายมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการดำเนินการขาย เนื่องจากบริการหลังการขายที่มอบให้กับลูกค้าจะสะท้อนถึงความใส่ใจ ดูแล และติดตามผลหลังการใช้งานผลิตภัณฑ์ของลูกค้า พนักงานขายจะได้รับข้อมูลการใช้งาน ความพึงพอใจ ข้อคิดเห็นต่อผลิตภัณฑ์ทั้งข้อดีและข้อเสีย ซึ่งจะสามารถนำไปแจ้งแก่ฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาและปรับปรุงผลิตภัณฑ์ อักทั้งยังเป็นการรักษาฐานลูกค้าและสร้างความจงรักภักดีต่อผลิตภัณฑ์ให้เป็นลูกค้าต่อเนื่องในระยะยาว บริการหลังการขายสามารถทำได้หลากหลายวิธี อาทิ การส่งมอบ ติดตั้ง ให้คำแนะนำ รวมไปถึงการเยี่ยมเยียนลูกค้า การมอบของขวัญ ของสมนาคุณ การเลี้ยงขอบคุณ และการให้บริการต่างๆ เพิ่มเติมภายหลังการขายเพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจ นับเป็นการรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าซึ่งนำไปสู่การซื้อซ้ำได้ในอนาคต
4.6 จรรยาบรรณของพนักงานขายต่อสังคม (Selling Ethics for Social)
พนักงานขายควรแสดงออกถึงการมีจรรยาบรรณที่ดีได้ในกรณีดังต่อไปนี้
1.การไม่เอาเปรียบสังคม โดยการนำเสนอสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ใน
ราคาที่เหมาะสมต่อสังคม การรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้สินค้าที่ตนจำหน่าย การไม่ใช้วิธีการ
หลอกลวงลูกค้าจนหลงเชื่อจนซื้อไปใช้
2.การช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การมีส่วนแนะนำให้กิจการได้วัตถุดิบที่ไม่เป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม
การแนะนำให้นำสิ่งที่เคยใช้แล้วมาใช้ใหม่เพื่อสงวนวัตถุดิบและลดต้นทุนในการผลิต ร่วมทั้งส่งเสริม
การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
3.การช่วยเหลือสังคม หมายถึง การมีส่วนร่วมในการผลักดันให้กิจการมีส่วนร่วมในกิจกรรม
การพัฒนาสังคม ช่วยเหลือสังคม เช่น การบริจาคเพื่อสร้างสาธารณะสมบัติต่างๆ การแบ่งปันรายได้
บางส่วนเพื่อช่วยเหลือกิจการของสังคม การให้ทุนการศึกษา เป็นต้น
4.7จรรยาบรรณของพนักงานขายต่อคู่แข่งขัน (Selling Ethics for Competitor)
พนักงานขายที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพงานขาย ต้องมีจรรยาบรรณต่อคู่แข่งขันซึ่งถือเป็น
เพื่อนร่วมอาชีพ สมควรยึดคติที่ว่า “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” ย่อมเป็นผลดีต่อตนเอง ซึ่งสามารถ
แสดงออกถึงการมีจรรยาบรรณได้ ในกรณีต่อไปนี้1.การไม่กล่าวให้ร้ายสินค้าและพนักงานขายของคู่แข่งขัน พนักงานขายที่มีจรรยาบรรณ ไม่มีความจำเป็น ต้องกล่าวให้ร้ายสินค้าของคู่แข่งขัน ตลอดจนพนักงานขายของ คู่แข่งขัน ซึ่งก่อให้เกิด ความเสียหายทั้งสองฝ่าย พนักงานขายควรทำการขายโดยเสนอข้อเท็จจริงของสินค้าของตน แล้วปล่อย ให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้าย เพราะลูกค้าหรือร้านค้าที่จะสั่งซื้อสินค้าจะเป็นผู้ทราบดีว่า สินค้าของเราเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันเป็นอย่างไร
2.การซื้อตัว คือ การเสนอผลประโยชน์ในอัตราสูงเพื่อดึงตัวระดับยอดฝีมือของคู่แข่งขันมา เป็นฝ่ายบริหาร ซึ่งจะได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาใช้แล้ว ยังเป็นการหยุดการเจริญเติบโตของ คู่แข่งขัน และได้ความลับบางอย่างของคู่แข่งขันด้วย เป็นวิธีการที่ธุรกิจขนาดใหญ่มักจะนำมาใช้ เป็นการเสียภาพพจน์และไม่ได้รับการยอมรับของคนในวงการนั้น ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น